เด้ง 5 ตำรวจใหญ่สภ.เมืองสุโขทัย เซ่นผับปล่อยเด็กเที่ยว-มั่วยา 154 คน

เด้ง 5 ตำรวจใหญ่สภ.เมืองสุโขทัย เซ่นผับปล่อยเด็กเที่ยว-มั่วยา 154 คน

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายปกครองจ.สุโขทัยได้เข้าตรวจสอบสถานบันเทิงชื่อ Club 64 Pub & Restaurant since 2017 ในซ.ประชาร่วมใจ ต.ธานี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสภ.เมืองสุโขทัย และพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวนถึง 154 คน และได้มีการย้าย 5 นายตำรวจใหญ่จากสภ.เมืองสุโขทัย

โดยในจำนวนนี้ เป็นเยาวชนอายุ 18-19 ปีจำนวน 87 คน และต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 67 คน 

เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวทั้งหมดให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุโขทัย ดำเนินการบันทึกทำข้อตกลงและแจ้งผู้ปกครองมารับตัว นอกจากเยาวชนเหล่านี้ ยังพบนักท่องเที่ยวที่ไม่พกบัตรประชาชนอีก 22 คน

นอกจากนี้ยังพบ ยาเสพติดตกอยู่ในร้าน ได้แก่ ยาเค 2 ซอง และยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง โดยมี นายมงคล ปานทอง อายุ 22 ปี มาแสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง จึงจับกุมตัวและแจ้ง 5 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 3.ร่วมกันขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย 4.ร่วมกันยุยงส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และ 5.ร่วมกันจำหน่าย แลกเปลี่ยน หรือให้สุราแก่เด็ก

ทางด้าน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติคุณ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย ได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และได้มีคำสั่งให้ผกก. รองผกก. และสว.จากสภ.เมืองสุโขทัยซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบ และให้ย้ายไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย (ศปก.ภ.จว.สุโขทัย) แทน โดยในระหว่างนี้จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อให้ความกระจ่างแก่สังคมและหากพบว่ามีการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับทุกพื้นที่มาตลอดในการป้องกัน ปราบปราม ไม่ให้ปล่อยปละละเลย อบายมุข บ่อนการพนัน สถานบริการ หรือการค้ามนุษย์ เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ โดยในกรณีที่หน่วยงานอื่นลงพื้นที่จับกุมอยู่ฝ่ายเดียว ฝ่ายที่รับผิดชอบพื้นที่จะถูกตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายจะถูกพิจารณาลงทัณฑ์อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ต้องให้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าตำรวจท้องที่เกิดเหตุได้ปล่อยปละละเลยหรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

หากประชาชนคนใดพบว่ามีการปล่อยปละละเลยให้มีอบายมุข การพนันก การค้ามนุษย์ และสถานบริการผิดกฎหมาย เกิดขึ้นในพื้นที่สามารถแจ้งข้อมูลมายังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ (ศปก.ตร.) หมายเลขโทรศัพท์ 1599 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนกลางลงเข้าไปกวดขัน จับกุม ปราบปราม รวมถึงจะดำเนินการพิจาณาข้อบกพร่องในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องนั้นด้วย

พบพะยูนตายเพิ่มอีก ที่ทะเลกระบี่ เป็นตัวที่ 19 ของปีนี้แล้ว

วันนี้ (15 ก.ย.) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรายงานว่า สำนักงานบริหาร ทช.ที่ 10 (ตรัง) ได้รับแจ้งข้อมูลจาก นายสมศักดิ์ พันธุเมศ ว่าพบซากพะยูนตาย ลอยอยู่ในทะเลบริเวณระหว่างเกาะยาและเกาะไหง จ.กระบี่ โดยนายสมศักดิ์ ได้ให้ข้อมูลพร้อมภาพที่เผยให้เห็นสภาพซากที่มีลำไส้ทะลักออกมา และไม่สามารถระบุเพศได้เนื่องจากลำไส้ที่ทะลักออกมานั้นบังบริเวณหน้าท้อง

ทางกรมฯ ได้นำเรือออกค้นหาซากพะยูนดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00-15.30 น. แต่สภาพอากาศในพื้นที่มีฝนตกและคลื่นลมแรงทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างลำบาก โดยจากความพยายามค้นหานาน 3 ชม. ในพื้นที่ที่มีการชี้เป้า เจ้าหน้าที่ไม่พบซากพะยูนดังกล่าวจึงได้ยุติการค้นหาชั่วคราว แต่ได้มีการคาดเดาจากภาพที่ได้มาว่าพะยูนตัวนี้น่าจะมีความยาวประมาณ 150 ซม. น้ำหนักประมาณ 80 กก. และคาดว่าน่าจะตายมาแล้วประมาณ 5-7 วัน

ทางกรมฯได้ประสานเครือข่ายในพื้นที่ให้ช่วยกันตรวจสอบตามชายหาดและในทะเล และหากพบซากพะยูนให้แจ้งเข้ามาที่ทำการกรมฯ ในพื้นที่

ในเรื่องนี้ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้ระบุในเฟซบุ๊กว่า ‘มีรายงานพะยูนตายอีกแล้วครับ พบที่กลางทะเลตรัง นับเป็นตัวที่ 19 ของปีนี้ ยังไม่ได้นำเข้าฝั่ง จึงยังไม่ทราบสาเหตุครับ’

‘ปกติพะยูนตาย 10-12 ตัวต่อปี แต่ปีนี้ยังไม่ถึง 10 เดือน ตายไปแล้ว 19 ตัว ตัวเลขนี้คิดเป็นเกือบ 10% ของพะยูนที่ตรัง-กระบี่ (200 ตัว) มากเกินกว่าการเกิดทดแทนได้ตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้น ปีนี้จำนวนพะยูนเราอาจลดลง หลังจากค่อยๆ เพิ่มมาในระยะหนึ่ง

ผมทราบดีว่าทุกฝ่ายพยายามเต็มที่ แต่เราคงต้องการอะไรที่พลิกโฉม ยกระดับทั้งหมด โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับผู้คนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยสนับสนุนให้พี่น้องชายฝั่งอยู่ร่วมกับพะยูนได้